วันนี้้เราขอแนะนำ พืช ผัก
สมุนไพรล้างพิษในร่างกาย
มาฝากทุกท่านที่กำลังใส่ใจและรักในสุขภาพของท่าน ด้วย พืช ผัก
สมุนไพรล้างพิษ ในร่างกาย
นี้เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้ออาหารการกินมากยิ่งขึ้น
เพราะแทนที่คุณจะหาซื้ออะไรที่ไม่ได้ประโยชน์ต่อร่างกายแล้วบางครั้งกลับทำ
ร้ายร่างกายอีกต่างหาก ฉะนั้นวันนี้เราจึงมี พืช ผัก สมุนไพรล้างพิษ
ในร่างกาย
ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกในการตัดสินใจที่จะช่วยในการดูแลร่างกายของคุณได้
อย่างดีเลยทีเดียวค่ะ นั้นเรามาดู พืช ผัก สมุนไพรล้างพิษ ในร่างกาย
กันเลยดีกว่าค่ะ
20 พืช ผัก สมุนไพรล้างพิษ ในร่างกาย
1. กล้วย
มี
คุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงแก่กระเพาะอาหาร
ในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ทีจำเป็นแก่ร่างกาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส
โพแทสเซียม
ช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกายโดยช่วยขับของเหลวหรือสารพิษส่วนเกินออก
จากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูก
ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย
2. อัลมอนด์
เป็น
ถั่วที่มีใยอาหารสูงมีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกายแม้จะมีไขมันแต่ก็
เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกาย
ในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึงควรกินอัลมอนด์
นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งถ้าระดับน้ำตาลใน
เลือดสูงก็จะเกิดอาการไฮเปอร์ไกลซีเมีย (Hyperglycemia)
ทำให้รู้สึกหิวน้ำมากกว่าปกติ หายใจไม่ออกไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
และหากน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่าไฮโปไกลซีเมีย (Hypoglycemia)
จะทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม ใจสั่น ไม่มีแรงคิดอะไรไม่ออก
3. แอปเปิ้ล
ประกอบ
ไปด้วยเพกตินสูง
เพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่
ปะปนมากับอาหาร เช่น ปรอท ตะกั่ว
ซึ่งทำลายเซลล์สมองนี่คือเหตุผลที่เราควรจะกินแอปเปิ้ล
เพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกายนอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิด
มะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส จากการศึกษาทดลองยังพบว่า
แอปเปิ้ลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหารซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็กและ
ทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ได้
4. ตำลึง
ผัก
ใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้วหาง่ายและราคาไม่แพงนี้
ในสมัยก่อนเรามักนำมาทำแกงจืดตำลึงโดยใส่เนื้อสัตว์น้อย ๆ
แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่า
แกงจืดตำลึงจะมีตำลึงอยู่ไม่กี่ใบและมีหมูสับเต็มไปหมด
ซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกาย
ได้ดีขึ้น
นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย
5. อะโวคาโด
อาจ
ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักแต่ปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาด
ทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน (Glutathione)
ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน
ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็ง
กว่า 30 ชนิด
และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก
ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan)
พบว่าผู้สูงอายุซึ่งกินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนสูงจะ
มีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ได้กินและมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30
เปอร์เซ็นต์
6. บีตรูต
ผัก
สีแดงที่นิยมใส่ในสลัดนี้นับเป็นผักมหัศจรรย์ซึ่งประกอบไปด้วยไพโรเคมีคอล
(Phytochemical) วิตามินและเกลือแร่หลายชนิด
ซึ่งทำให้บีตรูตมีคุณสมบัติต่อต้านชื้อโรค ทำความสะอาดเลือด
ทำความสะอาดตับและระบบน้ำเหลือง
อีกทั้งมีคุณสมบัติพิเศษที่ส่งเสริมให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น
จึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้นซึ่งจากกการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบ
ว่าบีตรูตช่วยปรับระดับกรดและด่างในเลือดให้สมดุลด้วย
7.กะหล่ำ
เต็ม
ไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
และช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป
ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกายทั้งยังช่วยทำความสะอาด
ระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ
พืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลีและกะหล่ำปม
ผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น
ของเสียจากควันบุหรี่ควันจากท่อไอเสียและช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้
เพียงพอในการกำจัดของเสีย
8. บลูเบอร์รี่
เป็น
ผลไม้ที่มีค่าแอนติออกซิแดนต์สูงมากชนิดหนึ่งและถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหาร
รักษาโรค
เนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพรินตามธรรมชาติซึ่งช่วยลดการระคายเคืองสาร
ที่มีในบลูเบอร์รี่สามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะส่งผลให้ลด
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
9. กระเทียม
จาก
หลายการศึกษาให้ผลตรงกันถึงคุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกาย
นั่นคือ การกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหาร
และฆ่าเชื้อไวรัสโดยเฉพาะทำความสะอาดเลือดและทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่น
และลดแรงดันโลหิต
นอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น
แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไปซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มี
กลิ่นกระเทียมไปด้วย
10. ส้มโอหรือเกรปฟรุต
เป็น
ผลไม้รสชาติดีที่ได้รับความนิยมในอาหารมื้อเช้าของชาวตะวันตกสารเพกตินซึ่ง
เป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุต
สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทาง
เดินในหลอดเลือด
นอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อ
ร่างกาย
ส่วนเกรปฟรุตช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งโดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพาะอาหาร
และมะเร็งตับอ่อน
สารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
11. มะเขือพวง
คน
ไทยนิยมใส่มะเขือพวงในอาหารประเภทผัดเผ็ด แกงป่า
แกงกะทิและน้ำพริกสมัยก่อนแกงกะทิ เช่น แกงไก่ใส่มะเขือพวง
ใส่ไก่น้อยเน้นการกินมะเขือเป็นหลัก
แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้ามแกงไก่มักใส่ไก่มากกว่ามะเขือและคนก็เลือกกินแต่
ไก่จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนกว่าคนสมัยก่อน
มะเขือพวงเป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหารโดย
เฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัว (ไขมันอันตราย)
และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่ายทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ
สูงจึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของ
เสีย
12. แครอท
เต็มไปด้วย
สารอัลฟาและเบตาแคโรทีน (Alpha and Beta-carotene)
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิตามินเอและถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม
ช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษในสิ่งแวดล้อม
โดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาทสายตาผิวหนังที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำ
และจากการวิจัยพบว่า
สารในแครอทช่วยลดการเกิดมะเร็งและช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจและหัวใจแข็งแรง
ขึ้น
13. ขึ้นฉ่าย
ถือได้
ว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลือดและช่วยลดความดันโลหิต
สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำหรือถ้าจะให้ดีควร
ดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้า
เพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้าน
การเกิดมะเร็งและสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่
หรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย
14. พืชตระกูลถั่ว
เช่น
ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว จากการศึกษาพบว่า
ผู้ที่กินถั่วเป็นประจำมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้กินและลด
อัตราความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วย
พืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟเบอร์สูงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลทำความ
สะอาดลำไส้
ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย
15. ทับทิม
ตำรา
แพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียกล่าวไว้ว่า
การดื่มน้ำทับทิมสามารถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้เนื่องจากในทับทิมมี
สารแอสไพริน ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยาแก้ปวด ช่วยล้างพิษ
ลดการติดเชื้อของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายและลดอาการอักเสบสำหรับผู้ที่มี
อาการไขข้ออักเสบปวดบวมช้ำแนะนำให้กินทับทิมเพราะช่วยลดอาการปวดลงได้
ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูงซึ่งช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดี
ขึ้น
16. กระเจี๊ยบ
น้ำ
กระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดิน
ปัสสาวะ ซึ่งมักก่อให้เกิดการติดเชื้อทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออก
หรือมีเลือดปนหรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงซึ่งสารในกระเจี๊ยบสามารถฆ่า
เชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้
17. เมล็ดแฟลกซ์
ประกอบ
ไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นอย่างโอเมกา 3
ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมองช่วยบำรุงความจำและมีผลดีต่อหัวใจเพราะช่วยลดระดับคอ
เลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีสารอื่นที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงขึ้น
18. มะนาว
เป็น
สุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูง
น้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนจะช่วยล้างพิษ
และทำให้เลือดสะอาดขึ้น
แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งก็จะเป็นอาหารที่ช่วยล้างพิษใน
ลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย
19. หัวหอม
ประกอบ
ไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิดและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยทำความสะอาด
เลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LD ซึ่งไม่ดี
เพราะเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ
นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น
ช่วยรักษาโรคหอบโรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้
และที่สำคัญคือช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่
20. สาหร่าย
เป็น
พืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้ามคุณประโยชน์ แต่จากการศึกษาของ Mcgill
University ที่ Montreal แสดงผลว่า
สาหร่ายสามารถจับของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกายในปัจจุบันเราไม่สามารถ
หลีกเลี่ยงรังสีต่าง ๆ จากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นไมโครเวฟทั้งหลายได้
ซึ่งพลังงานความร้อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกายก่อให้เกิดมะเร็งได้
ซึ่งสาหร่ายจะช่วยดูดซึมคลื่นรังสีเหล่านั้นและสามารถจับกับพวกโลหะหนักได้
ด้วย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ไอเอ็นเอ็น ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต